พระอาจารย์โง้วมั่งอู้ซือจุง
นักบวชอู๋เมิ่งอู๋ (โง้วมั่งอู้) เป็นบุคคลสมัยราชวงศ์โจว เกิดในรัชกาลเซวียนจิ่ง ปีที่ ๕ เมื่อท่าน ๒๒ ปีได้เข้ารับราชการใน ตำแหน่ง พออายุได้ ๒๘ ปี ได้เลื่อนยศเป็น ซือคง(ข้าราชการเทียบเท่าผู้อำนวยการกองในกระทรวงมหาดไทย) โดยควบตำแหน่งโตว ฉี เซ่อ(ข้าราชการทหาร) เมื่ออายุได้ ๓๔ ปี ได้รับคำสั่งให้ย้ายไปประจำการ ณ ด่านกวนซี ในตำแหน่ง เถ่า ลู่ ต้า เว่ย เจียง จวิน (ข้าราชการเทียบเท่านายพลทหารบก ตำแหน่งปราบหู่ลู่ หู่ลู่เป็นชื่อชนชาวตาร์ อาศัยอยู่ทางเหนือของจีนสมัยโบราณ) ครั้นอายุได้ ๔๙ ปี ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งให้กลับสู่เมืองหลวง และทรงแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ต้า ซือ ถู (ขุนนางเทียบเท่าอุปราช) พร้อมกันนั้นทรงให้ท่านรับหน้าที่เป็น “พฤฒาจารย์ผู้สอนราชโอรส” อีกด้วย จนถึงอายุ ๕๗ ปี ยุพราชขึ้นเสวยราชสมบัติสืบต่อจากฮ่องเต้พระองค์เดิม ในฐานะที่ท่านเป็นอาจารย์ผู้ถวายการสอนอักษรมาก่อน ฮ่องเต้พระองค์ใหม่จึงทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ท่านดำรงตำแหน่ง หู้ กั๋ว ไท้ จั่ว เฉิง (ขุนนางเทียบเท่าอัครเสนาบดีฝ่านซ้าย) ทั้งยังประราชทานให้เป็น เทียน เสี้ย โตว ฉี เซ่อ เจียง จวิน (แม่ทัพใหญ่) และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ท่านก็รับราชการประจำอยู่ในเมืองหลวง จวบจนอายุได้ ๖๒ ปี ได้พานพบคัมภีร์หวงถิงจิงของเหลาจื่อ จึงใช้เวลาในยามว่างหมั่นศึกษาค้นคว้าหลักความเข้าใจเกี่ยวกับความหมายอัน ลึกซึ้งของคัมภีร์ดังกล่าว ท่านได้ตั้งมั่นที่จะขัดเกลากิเลสนิสสัยส่วนตัวอยู่เสมอ ตราบเมื่อท่านอายุได้ ๖๘ ปี ถึงคราวที่แผ่นดินโจวผลัดเปลี่ยนรัชกาลอีกครั้ง แต่ท่านก็ยังคงได้รับมอบหมายให้ค้ำชูราชบัลลังค์และฮ่องเต้พระองค์ใหม่ รวมถึงการดูแลราชภารกิจที่สำคัญบางอย่างด้วย จนอายุได้ ๗๐ ปี จึงกราบทูลลาออกจากราชการกลับสู่ภูมิลำเนาเดิม กาลต่อมาได้ออกบวชเป็นนักพรตอยู่ ณ อารามชิงหยางกวน ณ ที่นั้น พระคุณเจ้า ฉานคง ได้ให้การชี้แนะจนท่านได้เรียนรู้หลักวิธีการนั่งวิปัสสนา ต่อมาในเดือน ๘ ปีเดียวกัน ท่านได้ปรงผมออกบรรพชาเป็นพระภิกษุ ฉายาว่า นักพรตคงคง (หมายถึงผู้เข้าถึงความว่างเปล่า) และต่อมาท่านก็ถึงกาลกิริยาเมื่ออายุได้ ๘๘ ปี
ขอขอบคุณ http://www.tekkacheemukkhor.com/History_jowmonghoo.php
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น