วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ออบิ่นซาม้า



ออบิ่นซาม้า 



ออบิ่นซาม้า หรือ เที้ยนซ่งเส้งโบ้ม้าจ้อ หน้าดำนั้นเองครับ มีหลายคนสงสัยว่า ทำไมม้าจ้อถึงหน้าดำ ทำให้เกิดความเข้าใจต่างๆกันไปมากมายครับ เช่น หน้าที่ดำนั้นเกิดจากควันธูปควันเทียนที่รมจนทำให้ หน้าท่านดำ บ้างก็ว่าที่หน้าดำ เพราะเกิดจากยางไม้ที่แกะกิมสิ้นไหลออกมา หรือบ้างก็ว่ากิมสิ้นตกลงไปในทะเลทำให้หน้าดำไปเลยก็มีครับ แต่จริงๆแล้วประวัติตำนานของ ออบิ่นซาม้า นั้นมีบันทึกและเชื่อกันมาแบบนี้ครับ


ปีหนึ่งในสมัยราชวงศ์หมิง ในขณะที่ม้าจ้อกำลังโปรดสัตว์ต่างๆตามปกติอยู่นั้น เชียนลี้ง้าน และซุนฮองหนี้ ได้แจ้งว่ามีหมอกดำปกคลุมเป็นที่ผิดสังเกตุ บริเวณเขาบู๊อีซาน ( ปัจจุบันภูเขานี้มีชื่อเสียงเรื่องชาฮกเกี่ยนมาก) เมืองฮกเกี่ยน ทันใดนั้นม้าจ้อและบริวารทั้งสองก็รีบตรงไปที่บู๊อีซานทันที 
เมื่อถึงบริเวณภูเขา ม้าจ้อได้แปลงกายเป็นสาวชาวบ้านเพื่อสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ใกล้ ชิด และได้ใช้อิทธิฤทธิ์เรียกเทพเจ้าที่ มาเพื่อไต่ถามถึงเหตุการณ์ดังกล่าว เทพเจ้าที่ได้กล่าวว่า ไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ ได้มีพายุฟ้าคะนองและมีปีศาจซึ่งมีกายเป็นสีดำทะมึนพุ่งลงมาจาก ฟ้าเข้าไป อยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งในภูเขาบู๊อีซาน และหลังจากนั้นก็เกิดหมอกควันสีดำผวยพุ่งออกมาปก คลุมท้องฟ้าทั้งภูเขาบู๊อี และเมืองฮกเกี่ยน ชาวบ้านที่มาทำไร่บริเวณภูเขาที่หายใจเอาควันสีดำเข้าไป ก็ทำให้ใบหน้าของพวกเขากลายเป็นสีดำสนิท จนชาวบ้านหวาดกลัวและไม่กล้าเข้ามาทำไร่ไถนาบริเวณภูเขาอีก จนทำให้เกิดความวุ่นวายและเดือนร้อนกันไปทั่ว 


ม้าจ้อออกคำสั่งให้เชียนลี้ง้านและซุน ฮองหนี้ เฝ้าคุ้มกันอยู่บนอากาศ ส่วนม้าจ้อก็เดินเท้าขึ้นภูเขาเพื่อจะล่อจับปีศาจ เพื่อมิให้ผิดสังเกตุ ม้าจ้อได้ใช้อิทธิฤทธิ์เสกหน้าตัวเองให้เป็นสีดำเพื่อให้ปีศาจไม่ สงสัย เมื่อมาถึงปากถ้ำ ได้เกิดควันสีดำผวยพุ่งออกมาเพื่อเข้ามาทำร้ายม้าจ้อ ทันใดนั้นม้าจ้อได้กลับกลายเป็นร่างเดิมของท่าน และได้เข้าต่อสู้กับปีศาจควันดำนั้น แต่ด้วยอิทธิฤทธิ์เทพสวรรค์ของม้าจ้อ เจ้าปีศาจมิอาจที่จะเอาชนะได้ และกำลังจะหลบหนี เข้าไปในถ้ำ ขณะนั้นเองเชียนลี้ง้าน และซุนฮองหนี้ก็เข้ามาช่วยม้าจ้อจับตัวปีศาจควันดำ นั้นได้ 
หลังจากปีศาจควันดำโดนจับได้ ก็กลายร่างมาเป็นร่างเดิมของมัน ซึ่งก็คือปีศาจเต่าดำนั้นเอง และต่อมาปีศาจเต่าดำตนนี้ก็ขอติดตามม้าจ้อ ไปช่วยโปรดสัตว์โดยเฉพาะเวลาที่ม้าจ้อท่องเที่ยวไปในท้องมหาสมุทร ตั้งแต่นั้นมา


ขอขอบคุณ  http://www.phuketvegetarian.com/borad/data/1926-1.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น